
Hight Light:
- แบรนด์ Hi-End คือแบรนด์ มีสามารถสร้างคุณค่าใหม่ ในแบบฉบับของตัวเอง และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
- กลยุทธ์ในการสร้าง แบรนด์ Hi-End ประกอบด้วย การใช้นวัตกรรม (Innovation) 2. การใช้อุปสรรค และข้อจำกัด เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้กับสินค้า และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
- สรุป แบรนด์ Hi -End คือ แบรนด์ที่นำเทคโนโลยี (Technology) และความคิดสร้างสรรค์ (Creative) มาสรรค์สร้างคุณค่าใหม่ (New Value) ให้กับสินค้า และบริการ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ และทำให้เกิดความแตกต่าง ไม่เหมือนใครในตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Target Segment) ที่ความต้องการที่สูงและซับซ้อนมากขึ้น

แบรนด์ Hi – END คือ อะไร
แบรนด์ Hi – END คือ ความหรูหรา หรือแบรนด์ที่ขายสินค้าในราคาแพง ๆ ใช่หรือไหม? ในความจริงแล้วแบรนด์ Hi -End คือ แบรนด์ที่ มีคุณค่าในแบบของตัวเอง และผลิตมาเพื่อ “ทำให้ซื้อ” ไม่ใช่ “ทำเพื่อขาย” ต่างหาก
ความแตกต่างของ “ทำให้ซื้อ” กับ “ทำเพื่อขาย”
- ทำให้ซื้อ อธิบายง่าย ๆ ก็คือ การศึกษาความต้องการของกลุ่มลูกเป้าหมายก่อน แล้วแบรนด์จึงจะผลิตสินค้า และบริการ ในแบบฉบับของตัวเองออกมา เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายดังกล่าว
- ทำเพื่อขาย คือ การผลิตสินค้า และบริการ ออกมาโดยที่ยังไม่ทราบว่าลูกค้าต้องการสินค้า หรือบริการหรือไม่ หรือมีความต้องการมากน้อยแค่ไหนอย่างไร
มาถึงจุดนี้ คนที่กำลังสนใจเริ่มต้นธุรกิจและสร้างแบรนด์คงเห็นภาพคร่าว ๆ เกี่ยวกับวิธีการสร้างแบรนด์ของ แบรนด์ Hi – End แล้ว เพื่อให้เข้าใจ และเห็นภาพมากยิ่งขึ้น เราลองมาศึกษาแนวคิดวิธีสร้างแบรนด์ให้มีคุณค่าแบบของตัวเอง ของแบรนด์ Hi End ระดับโลกกันดีกว่า
ตัวอย่างของสุดยอด Brand Hi-End

Brand - Trader Joe’s
สุดยอดซุปเปอร์มาร์เก็ตในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีรายการสินค้าให้ผู้บริโภคเลือกซื้อน้อยกว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปกว่าจำนวน 1 ใน 10 แต่สินค้าทุกชิ้นที่ขายใน Trader Joe’s คือ สินค้าที่ผ่านกระบวนคัดสรรคุณภาพอย่างดีที่สุดเท่านั้น จนเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างมาก ทำให้ Trader Joe’s ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้มียอดขายที่สูงกว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
แนวคิดของ แบรนด์ Trader Joe’s คือ
“ลูกค้าต่างมีความต้องการได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ”

Brand - Welder
แบรนด์นาฬิการะดับโลก จากประเทศอิตาลี โดยเป้าหมายของแบรนด์นี้ คือ สินค้าคุณภาพสูงในราคาที่สมเหตุสมผล (Affordable Luxury) โดย Welder เป็นแบรนด์ที่สื่อสารกับผู้บริโภคว่า เค้าเป็นแบรนด์นาฬิกาที่มาจากอนาคต ซึ่งต่างจากแบรนด์นาฬิกาดัง ๆ ที่จะสื่อสารว่าเค้าเป็นแบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ สร้างแบรนดมาอย่างยาวนาน
Welder ได้ฉีกกฏเกณฑ์พื้นฐานของวงการนาฬิกา ด้วยการเปลี่ยนเม็ดมะยมไขลานของนาฬิกาจากปกตินาฬิกาทั่วไปเม็ดมะยมจะอยู่ด้านขวา แต่ Welder ได้เปลี่ยนเม็ดมะยมให้มาอยู่ด้านซ้ายแทน เนื่องจากเค้าสังเกตว่าคนส่วนใหญ่ถนัดด้านขวา และก้านเม็ดมะยมด้านขวามักจะไปเกี่ยวสิ่งของนู่นนี่ทำให้เกิดความรำคาญแต่ผู้อยู่เสมอ จึงได้ออกแบบนาฬิกาใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์ และลดปัญหาการใช้งานกับผู้บริโภค พร้อมกับสื่อสารว่า แบรนด์ Welder คือแบรนด์นาฬิกาจากโลกอนาคต โดยนาฬิกาทุกเรือนจะเขียน คำว่า “ Since 2075” ทำให้ลูกค้าเกิดความภาคภูมิใจว่าได้สวมนาฬิกาที่มีดีไซน์ และเทคโนโลยีจากโลกอนาคต
แนวคิดของ แบรนด์ Welder คือ
“การสร้างสินค้าเพื่อมาตอบโจทย์ และลดปัญหาของลูกค้า พร้อมกับมอบคุณค่าและประสบการณ์บางอย่างที่ทำให้ลูกค้าเกิดความภาคภูมิใจ”

Brand - Prada
แบรนด์ที่โด่งดังในระดับโลกในตลาดแฟชั่น ด้วย CEO ที่จบการศึกษาด้านการเมือง และไม่มีความรู้เรื่องแฟชั่นเลย นั่นคือ มิวเซีย ปราด้า (Miuccia Prada) จุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์ Prada มาจากแนวความคิดที่ว่า “ทำไมกระเป๋าหรูทั้งหมดต้องมาทำมาจากหนังราคาแพงด้วย” จนวันหนึ่ง มิวเซีย ได้มารู้จักและสนใจผ้าไนลอน หรือที่เรียกว่า “Pocono” กันน้ำที่นำมาทำให้ห่อกระเป๋า และทำเป็นเต้นท์ หรือร่มชูชีพ ซึ่งผ้าไนลอนไม่มีความหรูหรา แต่มีจุดแข็งคอ เป็นผ้าที่มีน้ำหนักเบา และสามารถกันหิมะ และกันน้ำได้
เมื่อกระเป๋าที่ทำจาก Pocono ปรากฏตัวขึ้นในตลาดแฟชั่น สาว ๆ ก็ต่างฮือฮา และชื่นชม กับปรัชญา My Way ของ Prada เป็นอย่างมาก จนทำให้ Prada สามารถก้าวเข้าสู่วงการตลาดแฟชั่นได้อย่างห้าวหาญ และเป็นธุรกิจดีไซน์แฟชั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุด จนเป็นที่ยอมรับจากทุกคน
แนวคิดของ แบรนด์
“Prada คือ เราไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าประเภทเดียวกันให้เหมือนกัน แต่เราสามารถพัฒนาและค้นหาแนวคิดใหม่มาผลิตสินค้าให้เป็นแบบฉบับเขาตัวเองได้”
และนี่คือตัวอย่างจุดเริ่มต้นของ Brand HI- END สำหรับคนที่กำลังมองหาธุรกิจและการสร้างแบรนด์ นำมาเป็นแนวคิดเพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการทำธุรกิจให้แข็งแรงและเติบโตอย่างยั้งยืนได้ เพียงแค่เราสามารถสร้างคุณค่าในแบบฉบับของตัวเองได้ และคุณค่านั้นสามารถส่งต่อให้กับผู้บริโภคได้